ลง text link แสดงทุกหน้า ติดต่อ ait.arsenal@gmail.com

ไร้พ่ายของชายที่ชื่อ เรย์ พาร์เลอร์

By
Updated: กันยายน 17, 2023

เรย์ พาร์เลอร์ (50 ปี) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องราวของฤดูกาลแห่งการไร้พ่ายในปี 2003-2004 ในวาระครบรอบ 20 ปี เรื่องราวดังกล่าว บทความนี้เป็นบทความแปลเกือบทั้งหมด เพิ่มเติมบางส่วนจากความทรงจำและข้อมูลเพิ่มเติมของผู้เขียน และจะมีคำบางส่วนที่แต่งเติมเพิ่มอรรถรส แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาหลักของเรื่องราวข้อมูล และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

พาร์เลอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะเยาวชนของสโมสรเริ่มต้นมาตั้งแต่ในช่วงปี 1989 จนกระทั่งถึงปี 2004 หรือปีที่ทีมสามารถคว้าแชมป์ในแบบไม่แพ้ใครในฤดูกาลนั้น [ชนะ 26 เสมอ 12 แพ้ 0]

จุดเริ่มต้นของฤดูกาล 2003-2004

“เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถเป็นแชมป์ลีกได้ ปีก่อนหน้านั้นเราทำได้ดีกับการได้แชมป์เอฟเอ คัพ แต่ลีกก็ยังคงสำคัญมากถึงมากที่สุด เราอยากไปให้ถึงมัน อาร์แซน เวนเกอร์ บอกกับเราตั้งแต่ปีก่อนว่าทีมเราสามารถชนะลีกนี้ได้ด้วยการไร้พ่าย แต่สุดท้ายมันไม่เกิดขึ้น เราเชื่อมั่นแต่มันก็มาพร้อมแรงกดดัน”

“ฤดูกาลใหม่เริ่มต้น ผมกังวลนิดหน่อยเกี่ยวกับผู้รักษาประตู เดวิด ซีแมน ออกจากทีมไปแล้ว เขาอยู่กับทีมมานานมาก มันยากเหลือเกินจะหาใครมาทดแทนเขา แต่ดูการเซ็นสัญญานายทวารใหม่ของเราสิ เยนส์ เลห์มันน์ เข้ามาทดแทน ตอนนั้นผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเยนส์เลย แต่เขาย้ายเข้ามาแล้วมาทดแทนได้อย่างลงตัว มั่นใจในการเล่น สั่งการในกรอบเขตโทษได้เฉียบขาด เราไม่แพ้ทั้งฤดูกาล มันยอดเยี่ยมฉิบหายเลย”

Battle Of Old Trafford

“เกมนั้นมันสุด ๆ อยู่แล้ว เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทีไร ไม่เคยมีคำว่าสบาย เกมสำคัญทุกครั้ง พวกเขาเอาชนะเราได้ในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ตอนต้นฤดูกาลนั้น ผมอยากชนะทุกครั้งที่เจอยูไนเต็ด แต่สุดท้ายแม้เราจะแพ้เกมนั้น แต่เกมต่อมาเราก็เอาคืนพวกเขาได้ มันมีบรรยากาศแบบว่าต่อให้ต้นฤดูกาล แต่เราก็จะรอดูวันไว้แล้วว่า เมื่อไรต้องไปเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เฝ้ารอเลยล่ะ เป้าหมายของเราทุกปีคืออยากได้ 4 คะแนนจากสองเกมที่ต้องเจอกัน (2003-2004 จบด้วยผลเสมอทั้งสองเกม) เพราะถ้าได้แบบนั้น เรามีโอกาสสูงขึ้นเยอะในการคว้าแชมป์ ชนะในบ้าน เสมอในเกมเยือน มันก็เรื่องแค่นั้นแหละ ที่สำคัญอย่าแพ้เป็นอันขาด ดังนั้นบรรยากาศของเกม และสิ่งที่ออกมาในเกมนั้นมันจึงมาจากเรื่องนี้ ตอนที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย พลาดจุดโทษ บรรยากาศของความรู้สึกมันเลยพุ่งพล่านออกมาแบบสุด ๆ ไปเลย”

ความเชื่อมั่นว่าจะ “ไม่แพ้ใคร”

“ผมคิดว่าเราเริ่มมาคิดถึงเรื่องนี้ตอนที่มีคนเริ่มพูดขึ้นมา สื่อก็เริ่มพูดถึงเขียนถึงมันว่ายังไม่มีทีมไหนเอาชนะอาร์เซนอลได้เลยนะ ใครจะหยุดพวกเราได้ พอนานไปพวกเขาก็เริ่มพูดบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าทีมคิดกันจริงจังในช่วง 8 เกมสุดท้าย ว่าเรามีโอกาสทำมันให้เกิดขึ้นได้จริง เรามีโอกาสแน่ เรารอดจากความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง เรารู้ดีว่าถ้าเราทำได้ของเราได้ดีตามแผนงาน เราจะเป็นทีมที่ดีกว่าคู่แข่งได้”

“ผมอายุ 30 แล้วในตอนเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ เป็นนักเตะอายุมากในทีม แต่ความจริง เดนนิส เบิร์กแคมป์ และ มาร์ติน คีโอวน์ แก่กว่าผมอีก แต่เราสามคนก็เป็นคนที่มีประสบการณ์มากกว่าใครในห้องแต่งตัว”

“ผมผ่านช่วงทศวรรษที่ 90 กับอาร์เซนลมาแบบเต็มคราบยาวนานกว่าใครในทีม และน่าจะลงเล่นในทีมนี้มากกว่าคนอื่นด้วย หน้าที่ผมจึงมีส่วนในการแนะนำนักเตะคนอื่น ๆในทีมเท่าที่ผมช่วยได้ ผมเกิดและเติบโตมาในยุคที่อาร์เซนอลเพิ่งคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปี 1971 เรื่องราวพวกนี้ผ่านหูผมมาตลอด จนกระทั่งได้มาร่วมงานกับทีม ผมตื่นเต้นเหลือเกิน กับการได้มาที่นี่ ได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลไม่เคยขาด”

“ทีมชุดนั้นเป็นทีมที่มีนักเตะประสบการณ์ในทุกพื้นที่ เรามี เยนส์ เลห์มันน์ ในตำแหน่งนายทวาร มี โซล แคมป์เบลล์ ในเกมรับ มี เดนนิส เบิร์กแคมป์ ในเกมรุก ผมคิดว่าทีมจำเป็นต้องมีนักเตะประสบการณ์และความผู้นำอยู่ภายในทีมเสมอ”

เช็คบิลแชมป์ที่ “ไวท์ ฮาร์ท เลน”

“มันเป็นเกมพิเศษสุดอีกเกม เป็นดาร์บี้แมตซ์ที่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เรารู้ว่าเราดีกว่าพวกเขาแน่ เรื่องตลกที่ผมจำได้ไม่ลืมคือ ร็อบบี้ คีน ยิงประตูได้ในเกมนั้น และฉลองไปทั่วเลย โดยเขาไม่รู้เหรอว่ามันเป็นประตูตีเสมอ ไม่ใช่ประตูยิงแล้วทีมชนะ”

“การ์ดรักษาความปลอดภัยบอกกับเราว่าอย่าฉลองเลย เราทุกคนต่างทำหน้าแบบ “ก็ได้เหรอ” ทุกครั้งที่เราชนะเราก็ฉลอง แต่นี่มันฉลองแชมป์นะโว้ย ไม่ยอมพลาดที่จะฉลองหรอก อย่าหวังเลย”

“ก่อนเกมที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ผลของเกมเชลซีที่ลงเล่นก่อนหน้านั้น เรารู้ว่าเราต้องการอย่างน้อย 1 คะแนนในเกมกับสเปอร์ส และเราต้องการทำให้ได้ตามเป้าหมายให้ไวที่สุด มันเป็นวันที่สำคัญยิ่งสำหรับ โซล แคมป์เบลล์ ตอนเขาย้ายมาที่อาร์เซนอล และกลับไปที่นั่นครั้งแรก เรานั่งในรถโค้ชที่คนขับรถถูกสั่งชัดเจนว่าห้ามจอดแวะตรงไหนนอกจากถึงที่หมาย การจราจรทุกสายต้องหยุดเพื่อให้รถของเราผ่านไป”

“ผมเคยถามเวนเกอร์ว่า เจ้านายครับ ทำไมเราไม่ติดป้ายที่รถของเรา แล้วเขียนว่า “โซล นั่งตรงนี้” ให้เขารู้ ๆ กันไปเลย อย่างน้อยพวกเขาจะได้พุ่งเป้าให้ถูกคน ผมไม่เคยได้คำตอบนั้น อย่างไรก็ตามพอเอาเข้าจริง เราเจอปาสิ่งของเข้ามา ผมเข้าใจว่ามีกระจกแตกด้วยนะ”

วันไร้พ่าย

“ผมเคยได้แชมป์ลีกมาแล้ว แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เราได้แชมป์ที่บ้านของสเปอร์สแน่นอนแล้ว แต่เราเหลือ 4 เกม เราอยากไม่แพ้ใครเลย ดังนั้นสี่เกมที่เหลือยากถึงอยากมาก ผมมั่นใจยิ่ง หลังจากนั้นเราเสมอสองเกม เกมกับพอร์สมัธ (เกมที่ 36) เราน่าชนะสัก 5-1 แต่เรากลับจบด้วยผลเสมอ มันเป็นเรื่องของแรงกระตุ้นที่ขาดหายไป สี่เกมสุดท้ายเกมอาจเจอกับคู่แข่งไม่ยากนัก แต่เราจะแพ้แน่ ถ้าเราไม่มีสมาธิ เมื่อเราทำได้มันจึงเป็นสิ่งที่พิเศษมาก เราทำได้แล้ว ผมแค่มีความสุขกับมัน”

“ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมนี้เคยใกล้เคียงจะทำแบบนี้ได้ พวกเขาคือยอดทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โคตรเหลือเชื่อเลยกับผลงานของพวกเขาในปัจจุบัน แต่มันจะต้องเจอกับเกมแย่ ๆ และมันอาจทำให้ต้องแพ้ เราเองก็มีเรื่องแบบนั้นในวันที่เล่นแย่ เราเกือบแพ้แล้ว แต่เราจบด้วยการกลับมาได้ผลเสมอ นักเตะสำรองเราขุมกำลังแข็งแกร่งนี่คือเรื่องหนึ่งที่พิสูจน์มัน”

-BoyDacZ-

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply